ยักษ์วัดโพธิ์

ขึ้นชื่อว่ายักษ์ หลายคนคงนึกภาพเหมือนกับ admin ว่า เป็นรูปปั้นยักษ์ขนาดใหญ่ รูปร่างใหญ่โตเหมือนกับยักษ์วัดแจ้ง วัดอรุณหรือวัดอื่น ๆ แต่เอาเข้าจริงรูปปั้นยักษ์วัดโพธิ์ตัวจริงนั้น กลับมีขนาดใหญ่แค่ตัวคนไทยเราเท่านั้น จะเรียกว่ายักษ์ไทย ก็คงได้ไม่ผิดนัก

admin เดินเข้าวัดโพธิ์มาน้้น ก็เห็นรูปปั้นขนาดใหญ่มากมาย ที่เป็นรูปปั้นเทพของจีน และเดินหารูปปั้นยักษ์วัดโพธิ์ จนเกือบถึงหลังวัด จึงได้เห็นป้ายชี้ไปยังจุดซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑป ว่าเป็นยักษ์วัดโพธิ์ มีป้ายติดที่เลือนลางบ่งบอกว่าเป็น ยักษ์วัดโพธิ์ นั้นเอง

 ประวัติการสร้างประติมากรรมรูปยักษ์วัดโพธิ์ จากข้อมูลนำชมวัดโพธิ์

ธรรมเนียมการสร้างรูปยักษ์เพื่อรักษาประตูวัดโพธิ์นี้ได้มีมานานตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 กรุงรัตนโกสินทร์ ในครั้งนั้นโปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปอสูรประจำประตูวัด ประตูละ 1 คู่ ทั้งสิ้นจำนวน 4 ประตู ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 3 รูปอสูรเหล่านั้นชำรุด จึงโปรดเกล้าฯ ให้รื้อถอน แล้วนำลั่นถันหรือตุ๊กตาศิลาจีนมาตั้งแทน พร้อมกันนั้นได้โปรดเกล้าฯ ให้หล่อรูปยักษ์ขนาดเล็ก สูงประมาณ 175 เซนติเมตร จำนวน 8 ตน ตั้งไว้ที่ทางเข้าหอพระไตรปิฏก (พระมณฑป) ตรงซุ้มประตูทั้ง 4 ด้าน ด้านละ 1 คู่ เพื่อให้ทำหน้าที่พิทักษ์รักษาหอพระไตรปิฎก

ประติมากรรมรูปยักษ์ที่ซุ้มประตูทางเข้าพระมณฑปสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อครั้งปฏิสังขรณ์วัดพระเชตุพน ปรากฏหลักฐานในสำเนาจารึกแผ่นศิลา ความว่า

“แลกำแพงนั้นประกอบด้วยศิลาเขียวแผ่นใหญ่มีประตู้ซุ้มสามยอดไว้รูปอสูรหล่อด้วยสังกะสีผสมดีบุกสูงสามศอกคืบ ยืนกุมตระบองอยู่ในช่องซุ้มสองข้างประตูละสองรูปเหมือนกันทั้งสี่ประตูสี่ด้านเป็นรูปอสูรแปดรูป”

ในสมัยรัชกาลที่ 4 มีการสร้างระเบียงและพระมหาเจดีย์ประจำรัชกาล โปรดเกล้าฯ รื้อซุ้มประตูออกไป 2 ซุ้ม ปัจจุบันรูปยักษ์วัดโพธิ์จึงเหลืออยู่เพียง 2 คู่ คือ ไมยราพกับแสงอาทิตย์ อยู่ทางด้านประตูทิศตะวันตกเฉียงใต้ และสัทธาสูรกับพญาขร อยู่ทางด้านประตูทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ส่วนซุ้มประตูด้านที่รื้อไปนั้น เดิมเป็นทศกัณฐ์กับสหัสเดชะ ประตูทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และอินทรชิตกับสุริยภพ ประตูทิศตะวันออกเฉียงใต้


ตนสีเหลืองนี้ชื่อ “สัทธาสูร” เจ้าเมืองอัสดงค์ ผิวกายสีหงเสน สวมมงกุฎจีบ ปากขบ ตาจระเข้ เป็นยักษ์ที่ทศกัณฐ์เชิญมาเป็นพันธมิตรเพื่อทำศึกสู้กับพระราม สัทธาสูรได้เวทพระพรหม สามารถเรียกอาวุธจากเทวดามาใช้สู้รบได้


สีเขียวตนนี้ชื่อ “พญาขร” เจ้ากรุงโรมคัล ผิวกายสีเขียว สวมมงกุฎจีบ ปากขบ ตาจระเข้ โอรสองค์ที่สี่ของท้าวลัสเตียนกับนางรัชฎา เป็นอนุชาของทศกัณฐ์ ชายาชื่อรัชฎาสูร มีโอรสชื่อมงกรกัณฐ์และแสงอาทิตย์ อาวุธวิเศษคือศรจักรพาลพัง

ส่วนที่อีก 2 ตนนั้น admin เดินหาไม่เจอะค่ะ แต่พอมีประวัติกล่าวไว้ว่า

ไมยราพ” ผิวกายม่วงอ่อน สวมมงกุฎกระหนกหรือมงกุฏหางไก่ ปากขบ ตาจระเข้ โอรสท้าวมหายมยักษ์เจ้ากรุงบาดาลกับนางจันทรประภา มีกล้องปัทมราชเป็นอาวุธวิเศษประจำกาย และมีฤทธานุภาพเรื่องเวทมนตร์ที่ใช้สะกดทัพ อีกทั้งถอดดวงจิตไว้ที่เขาตรีกูฏ
แสงอาทิตย์” ผิวกายสีแดงชาด ทรงมงกุฎกระหนก ปากขบ ตาจระเข้ โอรสพญาขรแห่งกรุงโรมคัลกับนางรัชฎาสูร น้องชายมังกรกัณฐ์ มีอาวุธประจำกายคือ แว่นสุรกานต์ มีฤทธานุภาพร้ายแรง ถ้าส่องไปที่ใดจะบังเกิดไฟเผาผลาญจนหมดสิ้น แสงอาทิตย์ฝากแว่นไว้ที่พระพรหม เมื่อต้องการใช้จึงให้พี่เลี้ยงชื่อวิจิตรไพรีไปทูลขอยืมลงมา

นอกจากนั้นแล้ว admin ยังเคยฟังตำนาน เกี่ยวกับยักษ์วัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งซึ่งทำให้เกิดท่าเตียนอีกด้วย แล้วยังมีเพลงร้องประกอบด้วยนะค่ะ

ยักษ์วัดแจ้ง มาเกิดกำแหงโมโห
ร้องด่าเจ้ายักษ์ตาโต เจ้าอยู่วัดโพธิ์อย่ามาทำอวดดี
อย่าอวดเป็นยักษ์เมืองหลวง มาทำหลอกลวงยักษ์ธนบุรี
ยืมเงินแล้วก็ไม่ใช้ เอ๊ย ยืมเงินแล้วก็ไม่ใช้ เอ๊ะ ยักษ์อะไรเกะกะสิ้นดี
เก่งจริงก็ข้ามเจ้าพระยา เก่งจริงก็เหาะข้ามมา รบกันดีกว่าหละให้มันสิ้นคดี เอ้า ทุย ป๊ะตุ้มทุบ ป๊ะตุ้มทุย ทุย ทุย ทุย เฮ้ย
ยักษ์วัดโพธิ์ เลยเกิดโมโหยักษ์วัดแจ้ง ร้องด่าเจ้ายักษ์เหงือกแดง อย่าทำกำแหงมาท้าต่อตี เพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ไม่น่ามาเก๊กน้องเลยคุณพี่ เรื่องเงินใครบอกไม่ใช้ เฮ้ย เรื่องเงินใครบอกไม่ใช้ บอกว่าอั๊วะยังไม่ทันมี แก่ทวงเอ้าเหาะข้ามมา ทางโน้นเขตวัดนะไม่ดี เราต่างเป็นยักษ์มีมารยาทไม่ควรจะฟาดกันในวัดเอย เอ้า ทุย ป๊ะตุ้มทุย ป๊ะตุ้มทุย ทุย ทุย ทุย ทุย เฮ้ย
เมื่อเอย เมื่อนั้น ยักษ์วัดแจ้งเรืองศรีเอย เหาะข้ามเจ้าพระยามาทันที มาลงที่ท่านั้นหลังวัดโพธิ์ เพราะตรงนั้นเดิมเป็นป่ามีไม้มาก ล้วนหลายหลากหลายพันธุ์ดูอักโข ตีกันตรงนั้นไม่เอ็ดตะโร ไม่รบกวนพระวัดโพธิ์เป็นดีเอย…

ไปลองหาฟังกันนะค่ะ

นั่นคือตำนานของ ท่าเตียน ซึ่งเล่าไว้ว่า ยักษ์วัดโพธิ์ซึ่งทำหน้าที่ดูแลวัดโพธิ์และยักษ์วัดแจ้งซึ่งทำหน้าที่ดูแลวัดแจ้งนั้น ทั้ง 2 ตนเป็นเพื่อนรักกัน วันหนึ่งยักษ์วัดแจ้งไปขอยืมเงินจากยักษ์วัดโพธิ์ เมื่อถึงกำหนดส่งเงินคืนยักษ์วัดโพธิ์กลับไม่ยอมจ่าย ดังนั้น ยักษ์ทั้ง 2 ตนจึงเกิดทะเลาะกัน แต่เพราะรูปร่างที่ใหญ่โตและพละกำลังที่มหาศาลของยักษ์ทั้ง 2 ตน เมื่อเกิดต่อสู้กันจึงทำให้บริเวณนั้นราบเรียบโล่งเตียนไปหมด เมื่อพระอิศวรทราบเรื่องนี้ จึงได้ลงโทษให้ยักษ์วัดโพธิ์ยืนเฝ้าพระอุโบสถวัดโพธิ์ และยักษ์วัดแจ้งยืนเฝ้าวิหารวัดแจ้งตั้งแต่นั้นมา…..

Comments

comments