Skip to content

วัดพลับ บางกะจะ จันทบุรี
Wat Plub Bang Kacha, Chanthaburi

“แหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์และโบราณสถาน”

ที่ตั้งวัดพลับ
เลขที่ 154 หมู่ที่ 1 ตำบลบางกะจะ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี 22000

ประวัติวัดพลับ บางกะจะ
วัดพลับ เป็นวัดเก่าแก่ตั้งขึ้นสมัยอยุธยาตอนปลาย จากหลักฐานที่สำนักพุทธศาสนาบันทึกไว้ว่าได้รับอนุญาตให้จัดตั้งเป็นวัดในปี พ.ศ. 2300 ในรัชสมัยของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 (พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) เดิมชื่อว่า “วัดพลับสุวรรณพิมพราราม” ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดสุวรรณติมพรุธาราม” ซึ่งแปลว่า “วัดพลับทอง” (ทองคำ) ต่อมาเจ้าอาวาสองค์ที่ 12 ท่านพระครูเขม์ ธมฺมทินโน ได้เปลี่ยนเป็นชื่อ “วัดพลับ

ในอดีต เมื่อ พ.ศ. 2310 สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงใช้สถานที่วัดพลับเป็นที่พักทัพ รวบรวมไพร่พลและจัดเตรียมกองทัพก่อนเข้าตีเมืองจันทบุรี ทรงประกอบพิธีบำรุงขวัญทหาร สร้าง พระยอดธง แจกจ่ายและนำน้ำในบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์มาทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมเหล่าทหารหาญ โดยทำพิธีปลุกเสกในอุโบสถหลังเก่าภายหลังจากพระองค์ท่านได้กอบกู้เอกราชและจัดการบ้านเมืองเป็นที่สงบเรียบร้อยแล้ว พระองค์พร้อมด้วยแม่ทัพนายกองได้เสด็จกลับมาบูรณาวัดพลับและนำพระยอดธงที่เหลือจากการแจกจ่ายทหารก่อนไปทำการรบเข้าบรรจุใน “พระเจดีย์กลางทราย” และเจดีย์กลางทรายแห่งนี้

ต่อมาเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2479 ได้พลังทลายลงมา ซึ่งมีพระยอดธง ทั้งพระทองคำ นาค เงิน ทองดอกบวบ (ทองเหลือง) และเนื้อชิน รวมทั้งพลอยสีต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก จนในปี พ.ศ. 2481 พระครูเขม์ ได้บูรณะพระปรางค์ และนำพระยอดธงเข้าบรรจุในพระปรางค์ในปี พ.ศ. 2543 กรมศาสนาได้คัดเลือกให้วัดพลับ บางกะจะ เป็น “อุทยานการศึกษา

วิหารไม้
เป็นอาคารไม้มีอายุประมาณ 200 ปี สร้างสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ส่วนยอดของหลังคาเป็นทรงจตุรมุข มีเจดีย์ขนาดเล็กรูประฆังคว่ำประดับบนยอดจตุรมุข มีเครื่องลำยองไม้ฉลุที่งดงาม แสดงให้เห็นร่องรอยฝีมือช่างท้องถิ่นในอดีตที่สร้างสรรค์ศิลปะได้อย่างมีคุณค่ายิ่ง ภายในวิหารไม้ประดิษฐานพระพุทธรูปปาง “บำเพ็ญทุกรกิริยา” หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “ปางทรมาน” ซึ่งเป็นปางที่หาชมได้ยากมาก กรมศิลปากรได้บูรณปฏิสังขรณ์เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2546

บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
นับตั้งแต่โบราณกาลมาผู้คนในชุมชนบางกะจะและใกล้เคียงผู้ใดต้องการน้ำไปทำน้ำพระพุทธมนต์ ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บ หรือประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ ก็จะนำน้ำในบ่อนี้ไปใช้ในการนั้น ๆ เมื่อครั้งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงนำทัพมาตั้งอยู่ในวัดพลับแห่งนี้ ทรงได้น้ำในบ่อน้ำทำน้ำพระพุทธมนต์ประพรมเหล่าทหารหาญก่อนเข้าตีเมืองจันทบุรี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2310 ต่อมาเมื่อราชวงศ์จักรีขึ้นครองราชย์ก็ทรงใช้น้ำในบ่อนี้ทำน้ำพระพุทธมนต์ในพิธีราชาภิเษกในการเสด็จขึ้นครองราชย์

 

หอไตรกลางน้ำ
เป็นอาคารไม้ทรงไทย สร้างอยู่กลางสระน้ำ หลังคาเครื่องไม้ทรงจั่วลดชั่นทางด้านหน้าและด้านหลัง ด้านข้างมีชายคาปีกนก ประดับเครื่องลำยอง ช่อฟ้า ใบระกา หางหงษ์ ด้านหน้าอุดโครงจั่วตีปิดด้วยไม้กระดานทาสีแดง มุงกระเบื้องดินเผาปลายแหลม ฝาไม้ของหอไตรเป็นากะกน พบร่องรอยว่า เดิมเคยมีการเขียนลาดรดน้ำเป็นลายดอกไม้ร่วงและลายเครือเถอ มีประตูทางเข้าเฉพาะด้านหน้า ด้านข้างมีหน้าต่างด้านนะ 2 บาง เสาของหอไตรเป็นเสาไม้กลม 20 ต้น เป็นหอไม้ในสมัยอยุธยา เดิมใช้เป็นที่เก่าพระไตรปิฏก ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ 2 ครั้งในปี พ.ศ. 2518 และกรมศิลปากรได้บูรณปฏิสังขรณ์ในปี พ.ศ. 2559 เสร็จเมื่อ เดือน มกราคม พ.ศ. 2552

เจดีย์กลางน้ำ

เป็นเจดีย์ทรงระฆังก่ออิฐถือปูน สูง 7 เมตร ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ยอดเสาของกำแพงแก้วเป็นรูปเจดีย์ขนาดเล็ก องค์เจดีย์มีฐานเขียงแปดเหลี่ยม รองรับฐานสิงห์ซ้อนกัน 2 ชุด ถัดขึ้นไปเป็นลูกแก้วซ้อนกัน 7 ชั้น รองรับบัวปากระฆังองค์ระฆังทรงกลมขนาดเล็ก ส่วนยอดเป็นลัลลังก์รูปสี่เหลี่ยมมีเสาหานรองรับมาลัยเถาปล้องไฉน ปลียอด และเม็ดน้ำค้าง ซึ่งเป็นรูแปบบสถาปัตยกรรมสมัยอยุธยาตอนกลาง ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ เมื่อปี พ.ศ. 2481 และในปี พ.ศ. 2550 ตามโครงการบูรณปฏิสังขรณ์โบราณสถาน โบราณวัตถุ วัดและศาสนาสถานสำคัญเพื่อเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี

การเดินทางไปวัดพลับ บางกะจะ น่าน

เครดติดภาพ และบันทึกเนื้อหา Thikumporn Tantivimongkol

Comments

comments

Copyright © 2024 | Tourwatthai.com