ประวัติหลวงพ่อพุทธมงคลสรรเพ็ชญ์ วัดป่าธรรมโสภณ จังหวัดลพบุรี
กรมศิลปากรได้เคยดำเนินการ เพื่อจะนำไปเก็บรวบรวมไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ แต่การเคลื่อนย้ายในสมัยนั้นเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากองค์ท่านใหญ่มาก กรมศิลปากรไม่มีพาหนะขนาดใหญ่เพื่อเคลื่อนย้ายได้มีเพียงแรงคน จึงได้ไปติดต่อขอกำลังทหารเกณฑ์จากค่ายปืนใหญ่ซึ่งเดิมตั้งอยู่บริเวณ โรงเรียนพิบูลวิทยาลัยในปัจจุบัน เจ้าหน้าที่กรมศิลป์ฯพร้อมกำลังทหารเกณฑ์หลายสิบนายพร้อมกันไปที่วัดตะพานหิน จากนั้นจึงช่วยกันลองยกเศียรดูก่อน โดยกำลังทหารนับสิบนายไม่สามารถยกเศียรขึ้นได้เนื่องจากมีขนาดใหญ่และทำจากหินทรายที่มีน้ำหนักมาก อีกทั้งมาคิดอีกทีว่าถึงนำไปได้ก็คงหาที่ตั้งยากจึงเปลี่ยนใจปล่อยไว้ตามเดิม
ราวปี พ.ศ. 2483 หลวงพ่อฉายฯ ได้รับนิมนต์ฉันเพลในตลาดลพบุรี พร้อมด้วยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระธรรมรามมุนี(หลวงพ่อขุน) เจ้าอาวาสวัดเขาวงพระจันทร์ อดีตเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ได้สนทนากับพระเดชพระคุณ ได้ความว่าวัดป่าธรรมโสภณเป็นวัดที่มีอุโบสถใหญ่โต แต่ยังขาดองค์พระประธาน ขณะนี้มีพระพุทธรูปเก่าแก่อยู่องค์หนึ่งชื่อหลวงพ่อใหญ่ฝังจมดินอยู่ที่วัดตะพาน แถวคลองตาปี่ แต่ด้วยขนาดและน้ำหนักที่มากเกินความสามารถเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรและทหารเกณฑ์หลายสิบนายได้ทดลองยกท่อนเศียรดูก่อน ปรากฏว่ายกไม่ขึ้น เจ้าหน้าที่จึงทิ้งองค์ท่านไว้ตามเดิม วันรุ่งขึ้นหลวงพ่อฉาย ได้เดินทางไปติดต่อขอหลวงพ่อใหญ่มาเป็นองค์พระประธานในอุโบสถของวัด ทางเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรก็ไม่ขัดข้องเพียงแต่ต้องให้ทางวัดดำเนินการเคลื่อนย้ายเอง จากนั้นท่านได้เดินทางมายังวัดตะพานทันที ท่านได้จุดธูปเทียน บอกกล่าวขออนุญาตเคลื่อนย้ายองค์หลวงพ่อใหญ่ หลังเสร็จพิธี หลวงพ่อฉายได้ลองให้ทหารยกท่อนเศียรดูปรากฏว่ากำลังทหารเพียง 3 นายก็ยกขึ้นได้ จากนั้นจึงช่วยกันขุดชิ้นส่วนอื่นที่ฝังอยู่ใต้ดินจนครบองค์ นำใส่รถเข็น เข็นไปตามทางรถไฟจนถึงวัดป่า จากนั้นพระและเณรก็ช่วยกันหามเข้าไปในอุโบสถ ปะติดปะต่อจนเรียบร้อย แล้วจึงทำการลงรักปิดทอง 100% จนเหลืองอร่ามทั่วทั้งองค์ จนไม่เห็นหินทรายเนื้อเดิม จากนั้นหลวงพ่อฉายจึงได้ถวายนามให้ใหม่ว่า “หลวงพ่อพุทธมงคลสรรเพ็ชญ์” นับแต่นั้นมา